ชีวิตและการงาน ของ ชู จี-ฮุน

2006–2008: เริ่มต้นอาชีพนักแสดง และประสบความสำเร็จ

ในปี ค.ศ. 2006 ชู จี-ฮุนก้าวเข้าสู่อาชีพนักแสดง จากการรับบท "องค์ชายรัชทายาทลีชิน" ในละครโรแมนติกคอมเมดี เจ้าหญิงวุ่นวายกับเจ้าชายเย็นชา ละครเรื่องนี้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ทำลายสถิติเรตติ้งละครโทรทัศน์ของเกาหลีใต้ด้วยค่าผู้ชมสูงถึง 28.3% ส่งผลให้เกิดความนิยมละครโทรทัศน์รวมถึงศิลปินเกาหลีทั่วทั้งทวีปเอเชีย[4][5] นอกจากนี้ยังส่งผลให้เขาได้รับรางวัลนักแสดงดาวรุ่งชายยอดเยี่ยม จากงานประกาศผลรางวัลของสถานีโทรทัศน์เอ็มบีซี ร่วมกับยุน อึนเฮ จากละครโทรทัศน์เรื่องเดียวกันนั้นเองในช่วงปลายปี

เดือนมีนาคม ค.ศ. 2007 ชู จี-ฮุน แสดงละครโทรทัศน์เรื่อง คำพิพากษาซาตาน ร่วมกับนักแสดงมากฝีมืออย่าง ออม แท-อุง และชิน มิน-อา[6] ในเดือนเดียวกันนั้นเอง เขาได้รับรางวัลนักแสดงดาวรุ่งชายยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย จากงานประกาศผลรางวัลละครโทรทัศน์แห่งเอเชียครั้งที่ 1 จากผลงานเรื่อง เจ้าหญิงวุ่นวายกับเจ้าชายเย็นชา และคำพิพากษาซาตาน[7]

เขาร่วมแสดงภาพยนตร์เรื่องแรกในชีวิตในบทบาท คิม จิน-ฮยอก จากเรื่อง หล่อ หรู ร้าย รัก (Antique) ในปี ค.ศ. 2008[8] ภายหลังภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับเชิญให้เข้าฉายในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเบอร์ลิน ครั้งที่ 59[9] และในปีเดียวกัน เขาได้กลับมาร่วมงานกับชิน มิน-อา อีกครั้ง ในภาพยนตร์โรแมนติก ปรุงหัวใจ สูตรเจ้าชายเย็นชา (The Naked Kitchen)[10]

2009–2011: ข่าวอื้อฉาว และการรับใช้ชาติ

เมื่อวันที่ 27 เมษายน ค.ศ. 2009 เขาถูกจับกุมในข้อหาร่วมกันเสพยาเสพติด พร้อมกับกลุ่มเพื่อนอีก 15 คน กลายเป็นประเด็นข่าวดังในวงการอุตสาหกรรมสื่อบันเทิงของเกาหลีใต้และระดับเอเชีย ภายหลังเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน ค.ศ. 2009 เขาได้สารภาพต่อศาลว่าใช้สารเสพติด เคตามีน จริง[11] และศาลได้ตัดสินจำคุกเขาเป็นเวลาหกเดือน รอลงอาญา 1 ปี บำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคมอีก 120 ชั่วโมง และต้องจ่ายค่าปรับอีก 360,000 วอน

เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2010 เขาได้เข้าร่วมรับราชการทหาร หลังจากครบกำหนดเวลาเข้ากรมรับใช้ชาติพอดี ด้วยการฝึกขั้นพื้นฐานเป็นเวลาห้าสัปดาห์ ตามด้วยการปฏิบัติหน้าที่กับกองกำลังสำรอง[12][13] ในช่วงเดือนสิงหาคมปีเดียวกัน เขาได้ร่วมงานกับอี จุน-กี แสดงละครเพลงรำลึกถึงวันครบรอบ 60 ปีสงครามเกาหลี ซึ่งเกิดจากความร่วมมือกันของกระทรวงกลาโหมและสมาคมโรงละครดนตรีแห่งเกาหลี จัดแสดงตั้งแต่วันที่ 21–29 สิงหาคม ค.ศ. 2010 ณ โรงละครแห่งชาติ[14][15] และในที่สุด เขาได้ปลดประจำการทหารเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน ค.ศ. 2011[16][17]

2012–2016: กลับเข้าร่วมงานแสดงอีกครั้ง

ในช่วงเดือนมกราคม ค.ศ. 2011 ก่อนการปลดประจำการทหาร เขาตัดสินใจเซ็นสัญญาร่วมกับ คีย์อีสต์[18]

เดือนสิงหาคม ค.ศ. 2012 เขาได้กลับมาร่วมแสดงอีกครั้งในผลงานภาพยนตร์เรื่องที่สามอย่าง ข้า(น้อย)นี่แหละราชา (I Am the King)[19] รวมถึงผลงานละครโทรทัศน์ เบญจดรรชนี ดนตรีแห่งรัก (Five Fingers)[20][21] ในปีเดียวกัน ปีต่อมา เขามีผลงานการแสดงอย่างต่อเนื่องทั้งภาพยนตร์ และละครโทรทัศน์ อาทิ ภาพยนตร์โรแมนติกคอมเมดี Marriage Blue และการกลับมาเล่นซีรีส์ให้กับเอ็มบีซี อีกครั้งในรอบ 7 ปีอย่าง ทีมหมอใจเพชร (Medical Top Team)[22]

ปี ค.ศ. 2014 เขามีผลงานภาพยนตร์ต่างประเทศเป็นเรื่องแรก คือเรื่อง Love Suspicion ภาพยนตร์โรแมนติกระทึกขวัญสัญชาติจีน[23] ก่อนจะมาร่วมแสดงกับ จี ซ็อง และอี กวัง-ซู ในภาพยนตร์ Confession ช่วงกลางปีเดียวกัน[24]

ปี ค.ศ. 2015 เขาได้กลับมาร่วมงานกับ มิน คยู-ด็อง ผู้กำกับจากภาพยนตร์ที่เขาเคยร่วมแสดง ในภาพยนตร์พีเรียดย้อนยุค The Treacherous[25] ในปีเดียวกัน เขายังมีผลงานละครโทรทัศน์อีกเรื่องอย่าง หน้ากากหัวใจ (Mask) แสดงร่วมกับ ซูเอ ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์เอสบีเอส[26] ส่งผลให้เขาได้รับรางวัลนักแสดงชายยอดเยี่ยมจากซีรีส์ความยาวขนาดกลาง งาน SBS Drama Awards 2015 ไปครอบครอง

ปี ค.ศ. 2016 เขาได้ร่วมแสดงภาพยนตร์ทริลเลอร์อย่าง เมืองคนชั่ว (แล้วเราจะกลัวใคร) (Asura: The City of Madness) ภาพยนตร์เรื่องนี้ถูกนำไปฉายเปิดเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติโตรอนโต ครั้งที่ 41[27] ทั้งนี้ เขายังได้รับรางวัลนักแสดงภาพยนตร์ยอดนิยม จากงานประกาศผลรางวัลภาพยนตร์แห่งชาติของเกาหลีใต้ จากภาพยนตร์เรื่องเดียวกันนั้นเอง[28] และถูกเสนอชื่อถึงสองครั้งในสาขานักแสดงสมทบยอดเยี่ยม

2017–ปัจจุบัน: คิวทองกับผลงานภาพยนตร์

ในปี ค.ศ. 2017 – ค.ศ. 2018 ชู จี-ฮุน ได้ร่วมแสดงภาพยนตร์สัญชาติเกาหลีใต้ฟอร์มยักษ์อย่าง ฝ่า 7 นรกไปกับพระเจ้า ทั้งสองภาค[29][30] รับบทเป็นยมทูต แฮ วอน-มัก โดยภาพยนตร์ทั้งสองภาคนี้ กวาดรายได้อย่างถล่มทลายในเกาหลีใต้ ภาคแรกสามารถทำรายได้สูงถึง 108.2 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นภาพยนตร์เกาหลีใต้ที่ทำรายได้สูงเป็นอันดับ 3 ในเกาหลีใต้ ขณะที่ภาคสอง ซึ่งเข้าฉายในปีถัดมา ยังคงทำรายได้สูงอยู่ที่ 92.5 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นภาพยนตร์เกาหลีใต้ที่ทำรายได้สูงเป็นอันดับ 10 ในเกาหลีใต้[31]

ปี ค.ศ. 2018 เขายังคงมีผลงานภาพยนตร์อย่างต่อเนื่อง อาทิเช่น The Spy Gone North[32][33] และ Dark Figure of Crime[34][35] ส่งผลให้เขาชนะรางวัลนักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมจากภาพยนตร์เรื่อง The Spy Gone North และถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจากภาพยนตร์เรื่อง Dark Figure of Crime ในงานประกาศผลรางวัล Blue Dragon Awards อีกด้วย[36]

ปี ค.ศ. 2019 เขาได้มีโอกาสร่วมงานกับบริษัทผลิตภาพยนตร์ชื่อดังอย่าง เน็ตฟลิกซ์ กับผลงานซีรีส์เรื่อง ผีดิบคลั่ง บัลลังก์เดือด (Kingdom) ซึ่งออกอากาศไปยังผู้ชมทั่วโลก[37][38] และได้กลับมาร่วมแสดงนำบนหน้าจอโทรทัศน์ครั้งแรกในรอบ 4 ปี กับผลงานเรื่อง Item ออกอากาศทางเอ็มบีซี[39]

แหล่งที่มา

WikiPedia: ชู จี-ฮุน http://english.chosun.com/site/data/html_dir/2008/... http://english.chosun.com/site/data/html_dir/2009/... http://english.chosun.com/site/data/html_dir/2009/... http://english.chosun.com/site/data/html_dir/2011/... http://news.chosun.com/site/data/html_dir/2007/03/... http://www.hollywoodreporter.com/review/asura-city... http://koreajoongangdaily.joins.com/news/article/a... http://koreajoongangdaily.joins.com/news/article/a... http://koreajoongangdaily.joins.com/news/article/a... http://koreajoongangdaily.joins.com/news/article/a...